วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สินค้า OTOP จังหวัดสุรินทร์

สินค้า OTOP จังหวัดสุรินทร์
เครื่องประดับงาช้าง
ประวัติความเป็นมา 
     ชาวกวย ตำบลกระโพเป็นกลุ่มคนที่มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีมายาวนาน ในอดีตชาวกวยจะคล้องช้างป่ามาฝึกไว้ใช้งาน การเลี้ยงช้างของชาวบ้านเป็นการเลี้ยงในลักษณะที่ช้างเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของครอบครัว ช้างและคนได้อยู่ด้วยกัน มีความผูกพันกันอย่างเหนียวแน่น
     การแกะสลักงาช้าง เกิดขึ้นจากการที่ในชุมชนมีงาช้างซึ่งได้จากการตัดจากช้างที่ยังมีชีวิตหรืออาจตัดจากช้างที่เสียชีวิตไปแล้วซึ่งแต่เดิมเจ้าของช้างก็จะเก็บงาไว้บูชาเองหรืออาจจำหน่ายให้คนที่ต้องการเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ต่อมาคนในชุมชนบางคนที่มีความสามารถในการแกะสลักไม้ ก็ได้นำงาช้างมาแกะสลัก ในช่วงแรกมักจะแกะเป็นพระพุทธรูปและแจกให้คนที่รู้จักหรือคนที่เคารพนับถือกัน แต่เมื่อมีคนนิยมมากขึ้น จึงมีแนวคิดที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของชุมชน โดยการนำงาช้างมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น แหวน กำไล สร้อยคอ เป็นต้น
กลุ่มผู้ผลิตเครื่องประดับงาช้าง เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 5-10 คน ในวงเครือญาติ โดยมีจุดประสงค์ในการระดมหุ้นเพื่อช่วยเหลือสมาชิกภายในกลุ่ม แต่เนื่องจากมีผู้สนใจจะร่วมหุ้นอีกหลายราย จึงได้ขยายกลุ่มสมาชิกจากเครือญาติไปถึงบุคคลทั่วไป โดยเน้นสมาชิกใหม่ทุกคนจะต้องเป็นสมาชิกของสหกรณ์ผู้เลี้ยงช้างสุรินทร์ จำกัด  26 สิงหาคม 2546กลุ่มผู้ผลิตเครื่องประดับงาช้าง ได้รับเงินสนับสนุนจากสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนเงิน40,000 บาท โดยสนับสนุนผ่านสหกรณ์ผู้เลี้ยงช้างสุรินทร์ จำกัด เพื่อให้กลุ่มได้ไปดำเนินธุรกิจให้เต็มรูปแบบ ทำให้กลุ่มมีความเข้มแข็งขึ้น สามารถดำเนินกิจกรรมกลุ่มได้อย่างมีคุณภาพ
    กิจกรรมหลักของกลุ่ม คือ การผลิตเครื่องประดับงาช้าง จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและบุคคลทั่วไปและได้มีการพัฒนาจนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สวยงาม ได้รับคัดเลือกให้เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของตำบลกระโพ และได้รับคัดเลือกให้เป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดสุรินทร์ ในปี 2549 ได้รับคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 3 ดาว และสามารถพัฒนามาเรื่อยๆจนได้ระดับ 5 ดาว ในปี 2553
เอกลักษณ์/จุดเด่นผลิตภัณฑ์
    การนำงาช้างซึ่งมีคุณค่าอยู่ในตัวเพราะคนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่เป็นสิริมงคลและเป็นของที่หายากมาสร้างคุณค่าให้สูงขึ้น โดยการนำมาแกะสลักเป็น พระพุทธรูป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพบูชา หรือเป็นเครื่องประดับที่มีความสวยงาม ลายธรรมชาติของงามีความงดงามอยู่แล้ว เมื่อผสมผสานกับลวดลายการแกะสลักที่มีความประณีต ลวดลายละเอียดอ่อนช้อย ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์งาช้างแกะสลักเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทรงคุณค่าและเป็นที่ต้องการของบุคคลทั่วไป
มาตรฐานและรางวัลที่ได้รับ
    1. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน มผช.๖๘/๒๕๔๖
    2. OTOP คัดสรร ระดับ ๕ ดาว ปี ๒๕๕๓
ความสัมพันธ์กับชุมชน
    การถ่ายทอดความรู้และเทคนิคในการแกะสลักจากรุ่นสู่รุ่น จากเพื่อนสู่เพื่อน ทำให้คนในชุมชนเกิดความรู้สึกผูกพันกัน การรวมกลุ่มทำให้เกิดความใกล้ชิดเสมือนญาติพี่น้อง วัตถุดิบและแรงงานทั้งหมดมาจากชุมชน การซื้อวัตถุดิบงาช้างจากชุมชนทำให้เกิดรายได้แก่คนในชุมชน คนในชุมชนเรียนรู้ที่จะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน


 วัตถุดิบและส่วนประกอบ
    ๑.งาช้าง
    ๒. เลื่อย
    ๓. เครื่องเจีย
    ๔. ตะไบ
    ๕. เครื่องขัดเงา


ขั้นตอนการผลิต


    ๑. การตัดงาจากช้าง ชาวกวย จะมีความผูกพันกับช้างเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ว่าการปฏิบัติใดๆ ต่อช้าง จะต้องมีความเหมาะสม เพื่อความเป็นสิริมงคล จึงต้องมีพิธีกรรมในการตัดงา ต้องดูฤกษ์ยาม โดยพิธีกรรมนี้ต้องทำโดยหมอช้างระดับครูบาใหญ่ มีการเซ่นไหว้ศาลปะกำใหญ่ก่อน แล้วค่อยเซ่นปะกำย่อยอื่นๆ ตามลำดับ โดยมีเครื่องเซ่นไหว้ได้แก่ ธูป เทียน ไก่ต้ม ขนมหวาน กรวยดอกไม้ ข้าวสาร เงิน และสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ เหล้า จากนั้นจึงทำพิธีการตัด โดยครูบาใหญ่จะมีการท่องคาถาก่อน แล้วก็จะพิจารณาความยาวของงาที่จะตัดออกให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัดโดนโพรงงาที่มีเส้นเลือด และเส้นประสาท ซึ่งอาจทำให้ช้างตายได้จากการเสียเลือดหรือติดเชื้อบาดทะยัก เมื่อตัดเสร็จครูบาใหญ่ก็จะทำการคล้องสายสิญจน์ที่หูช้าง และคอ ก็เป็นอันเสร็จพิธี เป็นที่น่าสังเกตว่าทุกครั้งที่มีการทำพิธีกรรมตัดงา จะต้องมีการตัดขนหางด้วย และช้างที่เข้าพิธีจะยืนนิ่ง ไม่มีความหวาดกลัวในการตัดงาเลย
    ๒. การตัดงาเพื่อเตรียมนำมาแกะสลัก โดยการตรึงไว้กับอุปกรณ์ แล้วตัดโดยใช้เลื่อย ค่อยๆตัดไปรอบ ๆ งาช้าง
    ๓. เจียงาให้เรียบและขึ้นรูปตามต้องการ ในขั้นตอนนี้ ต้องอาศัยความชำนาญในการขึ้นรูปเพื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยงามสมส่วน
    ๔. แกะสลัก โดยใช้ตะไบลงรายละเอียดทีละขั้น ในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าจึงใช้ตะไบไฟฟ้าแทนตะไบธรรมดาซึ่งทำให้ใช้ เวลาในการแกะสลักเร็วขึ้น ในขั้นตอนนี้จะต้องใช้ความประณีตและใช้เวลานานที่สุด
    ๕. เมื่อเสร็จจากขั้นตอนการแกะสลัก ก็นำผลิตภัณฑ์ไปขัดให้เงาด้วยเครื่องขัดเงา




กลุ่มผู้ประกอบการ
ชื่อกลุ่ม : กลุ่มผู้ผลิตเครื่องประดับงาช้าง
สถานที่ผลิต : หมู่ 1 ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
ประธานกลุ่ม : นางวันนา อินทอง
รองประธาน : นายพจน์ การะเกษ


สถานที่ตั้งกลุ่ม : บ้านเลขที่ 2/3 หมู่ 1 ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โทร. 081-7603786
เส้นทางคมนาคม : รถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองสุรินทร์ ไปทางทิศเหนือตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๔ ถนนปัทมานนท์ เส้นทางสายสุรินทร์ – ร้อยเอ็ด 
เลี้ยวซ้ายเมื่อถึง กม. ๓๖ ที่แยกบ้านหนองตาด ตำบลเมืองแก 
อำเภอท่าตูม ขับมาตามเส้นทางอีกประมาณ ๑๘ กิโลเมตร
แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์
    1. สถานที่ตั้งกลุ่ม: บ้านเลขที่ 2/3 หมู่ 1 ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โทร. 081-7603786
      2. ออกร้านจำหน่ายในงานและนิทรรศการต่างๆ
งานแสดงช้างและงานกาชาด จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนพฤศจิกายน
งาน OTOP CITY ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
งานจำหน่ายสินค้า OTOP ในจังหวัดและต่างจังหวัด



ขอบคุณข้อมูลจาก  :   https://souvenirbuu.wordpress.com/ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย/ภูมิปัญญาภาคตะวันออกเฉ/ของใช้/เครื่องประดับงาช้าง/

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558


กาละแมสดศีขรภูมิ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์



              ศีขรภูมิ เป็นอำเภอหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสุรินทร์ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานปราสาทศีขรภูมิ หรือปราสาทระแงง จึงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาชมที่อำเภอศีขรภูมิแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย นอกจากปราสาทศีขรภูมิที่มีชื่อเสียงแล้วนั้น ของฝากของที่อำเภอนี้ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน เป็นของฝากที่ใครไปใครมาไม่ควรพลาดนนั่นก็คือ “กาละแมสดศีขรภูมิ”  จุดเด่นของกาละแมสดศีขรภูมิที่แตกต่างจากกาละแมอื่น ๆ คือความสดทำใหม่กันทุกวันไม่ใส่วัตถุกันเสีย กาละแมมีกลิ่นหอมใบไม้(น่าจะเป็นใบตอง) รสชาติหวานมัน ไม่หวานจัด เนื้อกาละแมเนียน นุ่มรับประทานง่าย




การทำกาละแมสดศีขรภูมิ

วัตถุดิบในการผลิตกาละแมสดศีขรภูมิ

1. มะพร้าว
2. แป้งข้าวเหนียว
3. น้ำตาลทราย
4. น้ำตาลปี๊บ
5. เปลือกมะพร้าวเผา ( ด่างที่มีสีดำ )
6. ใบตองที่รีดแล้วแล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
7. กระดาษแก้วสี

วิธีทำกาละแมสดศีขรภูมิ

1.เอามะพร้าวที่เรากระเทาเอากะลาออกแล้วนำมาขูดให้ละเอียดแล้วนำมะพร้าวที่ขูดแล้วมาขั้นเอากะทิ 3 ครั้ง
2. เอาน้ำกะทิที่เราคั้นเสร็จแล้วนำมาต้มให้เดือดเพื่อให้กะทิแตกมัน
3. เอาเปลือกมะพร้าวเผา ( ด่างที่มีสีดำ ) เอามากรองกับน้ำเพื่อให้ได้น้ำด่างสีดำแล้วเอามาใส่กะทิที่กำลังต้มให้
เดือดอยู่
4. หลังจากนั้นก็เอาน้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปในน้ำกะทิผสมกับน้ำด่างที่กำลังต้มให้เดือดอยู่
5. หลังจากที่ต้มกะทิได้ประมาณ 30-45 นาที ขั้นตอนต่อไปให้นำแป้งข้าวเหนียวที่ได้เตรียมไว้แล้วเทใส่ลงไปในกะทิที่ต้มอยู่
6. เรากวนไปเรื่อยๆประมาณ 1-2 ชั่วโมง สังเกตดูว่ากาละแมที่เรากวนอยู่นั้นกาละแมขึ้นพายแล้วหรือยังถ้ากาละแม ขึ้นพายแล้วให้ใช้มือแตะเนื้อกาละแมดูว่าถ้าเนื้อไม่ติดมือแล้วให้ยกกาละแมลงจากเตาแล้วเทใส่ถาดที่เตรียมไว้ให้กาละแมเย็น
7. หลังจากที่กาละแมเย็นแล้วก็เอากาละแมมาจับเป็นชิ้นๆแล้วนำกาละแมที่เป็นชิ้นหยิบขึ้นมาใส่ในใบตองที่ตัดขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วก็นำมาม้วนเป็นวงกลมเสร็จแล้วนำมาม้วนเป็นวงกลมกับกระดาษ
แก้วสีต่างๆ





ที่มา :
www.thongteaw.com/food/ของฝาก_content/กาละแมศีขรภูมิ%20จ.สุรินทร์.html
www.m,culture.in.th/moc_new/album/154134/การทำกาละแมสดศีขรภูมิ/



วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ วัดเขาศาลา อำเภอบัวเชด

วัดเขาศาลา




พุทธอุทยาน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีป่าและภูเขาล้อมรอบ มีเนื้อที่ ครอบคลุม ประมาณ 10,865 ไร่ พื้นที่กว้างใหญ่ มีธรรมชาติที่สวยงาม ซี่งไม่ไกลจากหมู่บ้านดิฉันมากนัก ทิวทัศน์ที่เห็นสวยงามมาก ผืนป่าบางส่วนติดชายแดนไทย-กัมพูชา  เป็นภูเขาลูกหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก แต่ก่อนชาวบ้านเรียกว่า “เขาศาลา” เป็นภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามมาก จนได้สมญานามว่าสวิสเซอร์แลนด์แห่งแดนอีสานใต้” ปัจจุบันเขาศาลาเป็นที่ตั้งวัดเขาศาลาฯ ที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม โดยพระอาจารย์ นักพัฒนาและอนุรักษ์ พระอาจารย์เยื้อน  ขันติพโล สิ่งที่สำคัญและน่าสนใจบนเขาศาลามี ผานางคอยหรือผาพระนั้นเอง  นอกจากนั้น  ยังมีพระพุทธบาทจำลอง พระพุทธรูปศิลาจำหลัก พระพุทธรูปปางนาคปรก และพระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์

พระพุทธบารมีสยามบุรีพิทักษ์

รอยพุทธบาทที่สลักอยู่บนโขดหิน ภายในวัดเขาศาลา เป็นรอยพุทธบาทเบื้องขวา

จากการสำรวจพบว่า รอยพุทธบาทสลักอยู่ที่ใต้โขดหินร่มไม้ใหญ่ ห่างจากกุฏิไปราว 400 เมตรและมีความสูงจากพื้นราว 2เมตร ลักษณะของรอยพุทธบาทเป็นพระบาทเบื้องขวา ประทับลึกไปบนแผ่นหิน 2เซนติเมตร พระบาทเกือบยาวเสมอกันหมดและลายนิ้วเป็นรูปก้นหอย ขนาดความยาวของรอยพุทธบาท 320เซนติเมตร ความกว้างช่วงนิ้วเท้า150เซนติเมตรและความกว้างที่ส้นเท้า70เซนติเมตร ด้านวงขอบนอกของรอยพระพุทธบาทเป็นลายเม็ดประคำและกลีบบัวโดยรอบ ซึ่งรอยพุทธบาทเป็นคติความเชื่อสากลที่พบอยู่ในอารยธรรมเกือบทุกถิ่นในโลก ด้วยเชื่อว่าเป็นรูปรอยของเทพเจ้าหรือผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์ที่ประทับลงในโลก หรือเป็นเครื่องหมายที่บรรพบุรุษได้ทิ้งไว้เป็นแนวทางการประพฤติปฏิบัติของบุคคลรุ่นหลัง เป็นที่กราบไหว้และบูชาสักการะของทุกคน  เขาศาลาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์รู้จักกันแพร่หลาย



มองจากวัดเขาศาลาลงไป เป็นเขื่อนเก็บน้ำบ้านจรัส

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ และยังมีเขื่อนเก็บน้ำบ้านจรัส  สร้างโดยกรมชลประทาน กั้นลำห้วยจรัสที่มีแหล่งน้ำต้นกำเนิดจากภูเขา 3 ลูก เป็นเขื่อนที่สร้างไว้เพื่อการ เกษตรกรรม บริเวณเขื่อนเหมาะที่จะเป็นที่ท่องเที่ยว เพราะโดยรอบมีทัศนียภาพที่ สวยงามอากาศเย็นสบาย ถ้ายืนอยู่ที่สันเขื่อนจะมองเห็นภูเขา 3 ลูก คือ เขาหงษ์ เขานพ และ เขาศาลา หรือที่เรียกกันว่าไตรคีรี บริเวณใต้เขื่อนมีธารน้ำไหล เหมาะแก่การนั่งพักผ่อนหย่อนใจ



นอกจากนั้นแล้ววัดเขาศาลายังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของทุกคน ที่ต้องการความสงบทางจิตใจ บางครั้งคณาจารย์จากโรงเรียนต่างๆ นำลูกศิษย์มาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่วัดเขาศาลา เพราะเป็นสถานที่ที่สงบแห่งหนึ่ง


บรรยากาศที่สวยงามช่วงค่ำคืน 


แผนที่การเดินทาง